เที่ยวอีสานและภาคอื่น

ที่เที่ยวมุกดาหารห้ามพลาดเลยนะ

9 ที่เที่ยวมุกดาหาร มาแล้วต้องเช็คอิน ไม่ไปเหมือนมาไม่ถึง!!

มุกดาหาร เป็นจังหวัดชายแดน อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยตั้งอยู่ในแอ่งสกลนคร และอยู่ในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน2 ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 650 กิโลเมตร แยกออกมาจากจังหวัดนครพนมเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2525 นับเป็นจังหวัดที่ 73 ของประเทศไทย เป็นจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญของอิสานภูมิประเทศติดกับแม่น้ำโขง หอแก้วมุกดาหารและสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย

“หอแก้วสูงเสียดฟ้า ภูผาเทิบแก่งกะเบา
แปดเผ่าชนพื้นเมือง ลือเลื่องมะขามหวาน
กลองโบราณล้ำเลิศ ถิ่นกำเนิดลำผญา
ตระการตาชายโขง เชื่อมโยงอินโดจีน”

1.วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์

         วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 เมืองมุกดาหาร, มุกดาหาร วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมณ์วัดแห่งนี้มีโบราณสถานและโบราณวัตถุสำคัญ ได้แก่ พระธาตุภูมโนรมย์, พระอังคารเพ็ญ, บันทึกการสร้างวัดจำนวน 1 แผ่น ซึ่งติดอยู่หลังของพระอังคารเพ็ญ และรอยพระพุทธบาทจำลองขนาดเล็ก สร้างขึ้นจากหินทราย มีความกว้าง 80 เซนติเมตร ความยาว 1.8 เมตร เมื่อปี พ.ศ. 2525 เจ้าคณะอำเภอ พระครูอุดมธรรมรักษ์ (หลวงตายอด) ทำการบูรณะบำรุงรักษาโบราณสถานดังกล่าว ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี พุทธศาสนิกชนชาวมุกดาหารและพุทธศาสนิกชนแขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จะร่วมกันสรงน้ำรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ เพื่อความเป็นศิริมงคล จากบริเวณวัด นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นทัศนียภาพอันสวยงามของเมืองมุกดาหาร แม่น้ำโขง สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 และแขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้

นอกจากนั้นที่นี่ยังมีองค์พระใหญ่ “พระเจ้าใหญ่แก้วมุกดาศรีไตรรัตน์” ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของวัด สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 

และที่นี่ยังมี “พญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช” ซึ่งเป็นองค์พญานาคที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยว ทั้งในด้านของศิลปะที่มีความวิจิตรงดงามในการสร้างสรรค์ ความยิ่งใหญ่อลังการตระการตา และความศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เลื่องลือ พญานาคองค์นี้มีความสูงประมาณ 20 เมตร มีลำตัวที่ขดไปมายาวถึง 122 เมตร หันหน้าออกสู่แม่น้ำโขง เรียกได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่มากๆ และเป็นอีกหนึ่งมุมถ่ายรูปที่สวยงามสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน นอกจากความสวยงามของสถาปัตยกรรมภายในวัดแล้ว ด้วยความที่ว่าวัดภูมโนรมย์นี้เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ทำให้คุณสามารถชมวิวแม่น้ำโขงได้แบบพาโนรามา มองไปได้ไกลถึงฝั่งประเทศลาว โดยจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดของทางวัดนั้นจะอยู่ที่บริเวณฐานองค์พระใหญ่ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดของวัด หากใครมีโอกาสได้เดินขึ้นไปสักการะองค์พระใหญ่ ก็จะได้เห็นวิวสวยๆ ทั้งธรรมชาติ สายน้ำ และบ้านเมือง ที่ยังคงอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก เป็นวิวที่งดงามจริงๆ

2.อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ

ที่อยู่: ถนนมุกดาหาร-ดอนตาล 25 หมู่ 5 บ้านคอนสาย ตำบล นาสีนวล อำเภอเมืองมุกดาหาร มุกดาหาร 49000
โทรศัพท์: 094 289 2383
ค่าเข้าชม: คนไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
ต่างชาติผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
ผู้บริหาร: กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ที่ตั้ง: จังหวัดมุกดาหาร ประเทศไทย

ภูผาเทิบ ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ภายในอุทยานมีจุดท่องเที่ยวหลายจุด แต่จุดท่องเที่ยวไฮไลท์ คือ ประติมากรรมกลุ่มหิน ที่ประกอบด้วยหินรูปร่างลักษณะต่างๆ วางซ้อนกันอย่างวิจิตรพิสดาร บนลานหินกว้างและยาวกลายเป็นสวนหิน หินบางก้อนมีรูปร่างคล้ายเครื่องบินไอพ่น รอบเท้าบู้ท เก๋งจีน มงกุฎ และคล้ายสถูป บริเวณลานหินมีป่าเต็งรังที่มีลักษณะแคระแกร็นสวยงาม เดินจากที่ทำการอุทยานมาไม่ไกล จะเจอกับกลุ่มหินรูปร่างแปลกตา ต่างๆ ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำ​ ลม​ แสงแดดมีลักษณะเป็นเพิงหิน ปฏิมากรรมหินที่เป็นริ้วรอยตามธรรมชาติ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่สวยงาม และตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมุกดาหารกลุ่มหินเทิบ ไฮไลท์ของภูผาเทิบ กับหินขนาดใหญ่ที่มีหลากหลายรูปทรงให้จินตนาการ ไม่ว่าจะเป็น หินรูปมงกุฎ หินจระเข้ จานบิน หอยสังข์ สิงโต ดอกเห็ด เป็นต้น

3.หอแก้ว

ที่อยู่: 93 หมู่ที่ 3 เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร

หอแก้วมุกดาหารเฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2539 เพื่อเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ครองราชย์ครบ 50 ปี หอแก้วมุกดาหารมีลักษณะเป็นหอคอยสูง ส่วนฐานของหอคอยเป็นอาคารทรงเก้าเหลี่ยม 2 ชั้น (ความหมายตรงกับรัชกาลที่ 9) ความกว้างของเส้นผ่าศูนย์กลาง 40 เมตร ชั้นที่ 1 จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ในการดำรงชีวิตของชาวมุกดาหาร ชั้น 2 เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติเมืองมุกดาหารวัตถุโบราณ ภาพถ่ายเก่า ตลอดจนเครื่องแต่งกายชาวไทยพื้นเมืองมุกดาหาร 8 เผ่า ชั้นที่ 3-5 เป็นส่วนแกนของหอคอย ชั้น 6 เป็น จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพรอบตัวเมืองมุกดาหาร แม่น้ำโขงและแขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ชั้นบนสุด (ชั้น 7) เป็นหอพระประดิษฐานพระพุทธรูปนวมิ่งมงคลมุกดาหาร และพระประจำวันเกิดทั้ง 7 วัน เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-17.30 น. อัตราค่าเข้าชมสำหรับประชาชนทั่วไป 30 บาท เด็ก 10 บาท และชาวต่างชาติ 50 บาท หากเข้าเยี่ยมชมเป็นหมู่คณะ (นักเรียน นักศึกษา) สามารถทำหนังสือขอความอนุเคราะห์เข้าชมไปยังองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหารได้

4.ตลาดอินโดจีน

ที่อยู่: ท่าด่าน ถนนสำราญชายโขง ต.ศรีบุญเรือง อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร 49000


แหล่งช้อปปิ้งใจกลางเมืองมุกดาหาร ติดริมแม่น้ำโขง นานาสินค้าราคาถูกจากประเทศเพื่อนบ้านหลั่งไหลเข้ามาให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อ ตลาดอินโดจีน อยู่ที่ตำบลศรีบุญเรือง อำเภอเมืองมุกดาหาร บริเวณถนนสำราญชายโขง ในตัวเมืองมุกดาหาร หน้าวัดศรีมงคลใต้เป็น แหล่งรวมสินค้านำเข้าจากนานาประเทศ เช่น รัสเซีย จีน เวียดนาม และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำหน่ายทั้งราคาส่ง และปลีก ส่วนมากจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม เซรามิค เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องอุปโภคและบริโภคต่าง ๆ นอกจากสินค้าที่นำเข้ามา จำหน่ายจากต่างประเทศแล้วยังมี สินค้าพื้นเมืองของชาวมุกดาหารมาจำหน่ายอีกด้วย เช่น ผ้าไหม ผ้ามัดหมี่ และสินค้าท้องถิ่นอื่น ตลาดอินโดจีน นอกจากจะเป็นแหล่งรวมสินค้าแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดมุกดาหารเพราะเป็น จุดชมวิว ทิวทัศน์ที่สวยงาม ของสองฝั่งแม่น้ำโขง ณ บริเวณริมเขื่อนริมโขงตลาดอินโดจีนมุกดาหาร สามารถมองเห็นสะพาน มิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ด้านทิศตะวันตกของแม่น้ำโขงได้เป็นอย่างดี ในเทศกาลวันออกพรรษาจะเป็นจุด ชมการแข่งขันเรือ ยาวประเพณีของคนทั้งสองฝั่งโขงอีกด้วย และจากศูนย์การบริการข้อมูลการท่องเที่ยว

5.ศาลเจ้าแม่สองนาง

ที่อยู่: 12 สองนางสถิตย์ อำเภอเมืองมุกดาหาร มุกดาหาร 49000

ตั้งอยู่บนถนนสำราญชายโขง ริมแม่น้ำโขง ติดกับท่าด่านตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดมุกดาหาร
ศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้อง ตั้งอยู่บนถนนสำราญชายโขง ริมแม่น้ำโขง เยื้องไปทางทิศเหนือของวัดศรีมงคลใต้ ติดกับด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดมุกดาหาร ศาลแห่งนี้เดิมเป็นศาลไม้ต่อมาได้มีการบูรณะเรื่อยมาจนเป็นคอนกรีตดังปัจจุบัน ศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้องนี้มีเรื่องเล่าขานกันมานานว่าราวปี พ.ศ. 1896 เจ้าฟ้างุ้ม แห่งเมืองล้านช้าง เป็นบุตรเขยกษัตริย์เมืองอินทะปัด ได้พาลูกหลานอพยพตามลำน้ำโขงผ่านเมืองหนองคาย เมืองนครพนม จนถึงเขตเมืองมุกดาหาร แล้วเกิดเรือล่มที่บริเวณปากห้วยมุกทำให้ธิดาสาวทั้งสองคนซึ่งมีพระนามว่า พระนางพิมพา กับพระนางลมพามา สิ้นชีพตักษัย จนกระทั้งปี พ.ศ. 2313 เจ้ากินรีได้มาสร้างเมืองมุกดาหารพร้อมกับได้สร้างโบสถ์วัดศรีมงคลใต้ขึ้น และในขณะก่อสร้าง ได้พบพระเมาลีพระพุทธรูปเหล็กจมอยู่ใต้พื้นดิน (บริเวณศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้องในปัจจุบัน) จึงขุดไปประดิษฐาน ณ โบสถ์วัดศรีมงคลใต้ แต่พอรุ่งขึ้น พระพุทธรูปเหล็กองค์นั้น ก็กลับมาประดิษฐานอยู่ที่เดิมที่พบในครั้งแรกอีก ชาวบ้านจึงพากันเรียกว่า “พระหลุบเหล็ก” ประกอบกับบริเวณดังกล่าว ทุกวันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 6 จะมีเสียงร่ำไห้ของผู้หญิงสองคน ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเสียงของพระนางพิมพากับพระนางลมพามา และได้แสดงอภินิหารให้ปรากฏอยู่เนือง ๆ เจ้ากินรี เจ้าเมืองมุกดาหารได้สืบทราบประวัติแห่งความเป็นมาจึงตั้งศาลขึ้น ณ ที่แห่งนั้น เพื่อให้วิญญาณ ได้สิงสถิต เมื่อ พ.ศ. 2315 และได้ขนาน นามว่า “ศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้อง” อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวเมืองมุกดาหารโดยทั่วกัน โดยถือเอาเดือนพฤษภาคม ของทุกปีเป็นเดือนที่ทำพิธี เซ่นไหว้และบวงสรวง ศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้อง ตั้งแต่นั้นมาจนถึงทุกวันนี้ ชาวจังหวัดมุกดาหารถือว่าศาลเจ้า แม่สองนางพี่น้อง เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ คู่กับศาลเจ้าพ่อเจ้าฟ้ามุงเมือง ผู้ใดที่เคารพสักการะ ศาลเจ้าพ่อเจ้าฟ้ามุงเมืองแล้ว จะเลยไปเคารพสักการะศาลเจ้าแม่ สองนางพี่น้องด้วยเสมอ และในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ชาวจังหวัดมุกดาหารจะจัดให้มีพิธีบวงสรวง เจ้าพ่อเจ้าฟ้ามุงเมือง และเจ้าแม่สองนางพี่น้องพร้อมกัน

6.จุดชมวิวใต้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว II

สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร เป็นสะพานที่เชื่อมต่อแขวงสะหวันนะเขด ในประเทศลาว กับจังหวัดมุกดาหาร มีความยาวทั้งหมด 1,600 เมตร มีความกว้าง 12เมตร และมีช่องการจราจร 2 ช่องทาง บริเวณด้านล่างสะพานมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นสะพานทอด มีร้านค้าอาหารหมูจุ่ม หมูกระทะ ส้มตำ และที่นั่งริมน้ำโขง นั่งชิลทานอาหารในช่วงเย็น รวมถึงมีแลนดมาร์คที่โดดเด่น คือ รูปปั้นพญานาค สำหรับการเดินทางมาที่สะพานมิตรไทย-ลาว แห่งที่ 2 แบบที่ไม่ได้ข้ามแดด ต้องการเพียงแค่มาชมวิวสะพาน หากเดินทางด้วย google map ให้ตั้งการเดินทางมา “จุดชมวิวสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 2” เพราะหากตั้งชื่อสะพานอย่างเดียวจะพาขึ้นไปบนสะพานเพื่อข้ามฝั่ง ซึ่งตั้งอยู่คนละจุดกัน จุดชมวิวจะอู่ด้านล่างและถึงก่อนสะพาน สามารถจอดรถเลียบทางเดินได้เลย ภาพบรรยากาศของจุดชมวิวในยามเช้าช่วงฤดูหนาวบรรยากาศดีมาก อากาศเย็นสบาย ปกคลุมด้วยสายหมอกบาง บริเณจุดชมวิว มีรูปปั้นพญานาคขนาดใหญ่ คือ พญาศรีมุกดามหา มุนีนีลปาลนาคราช ลำตัวเลื้อยบริเวณเสาซึ่งตั้งอยู่ติดกับสะพาน มีความงดงามน่าเกรงขามมาก นักท่องเที่ยวที่มายังสะพานแห่งนี้ต้องแวะมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล ยามเย็นมีร้านอาหารแบบรถเข็นเรียงรายอยู่บริเวณทางเดินเลียบน้ำโขง เป็นร้านหมูกระทะ หมูจุ่ม ส้มตำ ยำ ให้เลือกทานหลายร้าน ที่นั่งเป็นแบบโต๊ะนั่งญี่ปุ่นริมโขง มองเห็นวิวสะพารในยามค่ำคืนชิวมา ยิ่งมาเที่ยวช่วงฤดูหนาวลมแรง อากาศเย็นสุดๆให้เตรียมเสื้อกันหนาวและกันลมมาให้พร้อม

7.แก่งกะเบา

ที่อยู่: บ้านนาแกน้อย  ต.ป่งขาม อ.ว่านใหญ่ จ.มุกดาหาร 49150

แก่งกะเบาเป็นแก่งหินยาวเหยียดตามลำน้ำโขง บนฝั่งก็ยังมีลานหินกว้างใหญ่เป็นที่พักผ่อนได้อย่างดี   แก่งกะเบาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม ตั้งอยู่ในเขตบ้านนาแกน้อย ตำบลป่งขาม อำเภอหว้านใหญ่ ห่างจากตัวจังหวัดมุกดาหาร 35 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ห่างจากอำเภอธาตุพนมเป็นระยะทาง 24 กิโลเมตร ตรงข้ามกับเมืองไชยบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แก่งกะเบา เป็นแก่งหินและโขดหินยาวตามลำน้ำโขง สายน้ำโขงที่ไหลมามาจะกระทบกับแก่งหินมีการกัดเซาะทำให้เกิดรูปร่างที่สวยงาม ในบางที่จะมีลักษณะเหมือนกับหลุมลึกบางที่ก็จะเป็นลักษณะเหมือนถ้ำใต้น้ำ บางช่วงบนฝั่งมีลานหินกว้างใหญ่เป็นที่พักผ่อนได้อย่างดี ในฤดูแล้งประมาณเดือนมกราคม-พฤษภาคม น้ำลดจนมองเห็นเกาะแก่งกลางน้ำและหาดทรายสวยกว่าฤดูอื่น ๆ ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจรวมทั้งมาทำกิจกรรมภายในครอบครัวหรือเล่นน้ำ บนฝั่งแก่งกะเบามีการปรับภูมิทัศน์ให้เป็นสวนสาธารณะ ซึ่งมีความสวยงามและร่มรื่น พร้อมทั้งจัดสร้าง “องค์พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช” พญานาคองค์ใหญ่สีขาวงดงาม นอกจากนี้ยังมีลานนักษัตร 12 ราศี และลานวัฒนธรรม 8 ชนเผ่า ให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมความสวยงามและถ่ายรูปกัน

8.วัดสองคอน (สักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี)

ที่อยู่: บ้านสองคอน ตำบลป่งขาม อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร 

      โบสต์คริสต์วัดสองคอน หรือ สักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขีวัดสองคอน ตั้งอยู่ท่ามกลางบริเวณอันกว้างขวางริมฝั่งโขง ณ บ้านสองคอน อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร สถานแห่งมรณะสักขีได้ชื่อว่าเป็นโบสถ์คริสต์นิกาย โรมันคาทอลิก ที่มีชื่อเสียงในเรื่องความงดงามแปลกตาของตัวอาคาร เป็นโบสถ์คริสต์สร้างแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ เคยได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ปี 2539 โบสถ์แห่งนี้เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กโถงสี่เหลี่ยมชั้นเดียว ผนังของวัดและ ส่วนไว้พระธาตุเป็นกระจกใส บริเวณด้านหน้าเป็นส่วนประกอบพิธีมีพื้นที่กว้างขวาง ส่วนด้านหลังเป็นที่เก็บอัฐิของบุญราศีทั้ง 7 ภายในมีโลงแก้วบรรจุหุ่นขี้ผึ้งของบุญราศีทั้ง 7 ไว้ให้สักการะบูชา มีไม้กางเขน 7 แห่งด้านหน้า แทนบุญราศีทั้ง 7ลักษณะเด่นของโบสถ์ได้แสดงถึงความขัดแย้ง เช่น วัสดุก่อสร้างที่ใช้มีทั้งกระจกเรียบและหินทรายหยาบ ต้นไม้ด้านในกำแพงจะมีการจัดแต่งวางเป็นระเบียบ แต่ต้นไม้ภายนอกกำแพงจะไม่มีการจัดเรียง มีการใช้แสงเงาและรูปทรงเรขาคณิตที่เรียบง่าย ตรงไป ตรงมา จริงจัง แข็งๆ สื่อถึงความเป็นนักรบ สำหรับกำแพงโบสถ์สร้างโอบล้อมโบสถ์เป็นครึ่งวงกลม มีผนังโค้งประดับภาพนูนต่ำ เล่าเรื่องราวประวัติบุญราศีแห่งวัดสองคอน ส่วนด้านหลังเปิดโล่งเป็นสนาม เพื่อเอาไว้ชมทิวทัศน์อันสวยงามของแม่น้ำ
        โบสต์คริสต์วัดสองคอน สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานเทิดพระเกียรติบุญราศีมรณสักขีทั้ง 7 ที่อุทิศชีวิตในป่าศักดิ์สิทธิ์เพื่อ พิสูจน์ศรัทธา ที่ มีต่อพระเจ้า เมื่อครั้งเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากในระยะนั้นผู้คน แถบชายแดนจะศรัทธาและนับถือศาสนาคริสต์กันเป็นจำนวนมาก และบาทหลวงส่วนใหญ่เป็นชาวฝรั่งเศส ทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิด คิดว่าศาสนาคริสต์เป็นศาสนาของฝรั่งเศส จึงมีคนกล่าวหากันว่าคนที่นับถือคริสต์ช่วงนั้นจะฝักใฝ่ฝรั่งเศส ทรยศต่อประเทศชาติ รวมทั้งมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นหลายอย่าง ทางการจึงมีคำสั่งให้ชาวบ้านเลิกนับถือ ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ยอมรับว่าจะเลิกแต่ก็ ยังนับถือกันแบบลับๆ โดยมีซิสเตอร์พิลา ทิพย์สุข (อายุ 31 ปี) ซิสเตอร์คำบาง ศรีคำฟอง (อายุ 23 ปี) นายศรีฟอง อ่อนพิทักษ์ (อายุ 33 ปี) นางพุดทา ว่องไว (อายุ 59 ปี) นางสาวบุดสี ว่องไว (อายุ 16 ปี) นางสาวคำไพ ว่องไว (อายุ 15 ปี) และเด็กหญิงพร ว่องไว (อายุ 14 ปี) ที่ยังทำหน้าที่เป็นครูสอนคำสอนและไม่รับปากกับทางตำรวจว่าจะเลิกตำรวจจึงนำตัวทั้งหมดไปยิงจนเสียชีวิต

       ในปี พ.ศ. 2532 พระสันตะปาปาก็ได้ประกาศให้ท่านทั้งเจ็ดคนเป็น”บุญราศีมรณสักขี”ซึ่ง หมายถึงคริสตชนผู้ที่ประกอบกรรมดี และพลีชีพเพื่อ ประกาศยืนยันความเชื่อในพระเจ้าไม่ยอมละทิ้งศาสนา ปัจจุบันมีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา หรือมิสซาบูชาใน วันธรรมดา เวลา 06.00 น.และในวันอาทิตย์ เวลา 07.00 น. และในทุกๆ ปีที่วัดสองคอนจะมีพิธีเฉลิมฉลองรำลึก การสถาปนา แต่งตั้งบุญราศี ณ กรุงโรม วันที่ 22 ต.ค. และพิธีรำลึกบุญราศีสองคอน 16 ต.ค ของทุกปี

9.วัดดานพระอินทร์

ที่อยู่: ตำบล ร่มเกล้า อำเภอ นิคมคำสร้อย มุกดาหาร 49130
โทรศัพท์: 084 517 3025

วัดดานพระอินทร์ เป็นวัดสวยของอีสานที่ตั้งอยู่ใน อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร และสวยงามไม่แพ้วัดอื่นๆ เลย โดยบริเวณที่ตั้งของวัดจะอยู่กลางป่า ล้อมด้วยธรรมชาติสวยๆ สามารถมองเห็นวิวของกังหันลมได้อีกด้วย ซึ่งความโดดเด่นของวัดนี้ก็เหมาะกับสายบุญมากๆ เพราะมี องค์พญานาค พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ เจดีย์แก้วชัยมงคล พระพุทธรูปต่างๆ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ รวมไปถึง ถ้ำพญานาค สุดอลังการ ที่รวมกันอยู่ที่นี่ ให้เราได้สักการะขอพรกัน
เรื่องเล่า ก่อนจะมาเป็น วัดดานพระอินทร์
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ วัดดานพระอินทร์ นี้ว่า เมื่อก่อนนั้นจะไม่มีพระรูปไหนมาอยู่ที่วัดนี้ได้เลย บริเวณนี้ก็เป็นลานหินกว้างแผ่นเดียว ที่ยื่นออกมาจากภูเขาลูกใหญ่ จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2553 พระอาจารย์ของวัดนี้ ได้ธุดงค์มาจากร้อยเอ็ด กว่าจะมาถึงที่นี่ก็มืดแล้ว พอทำวัตรสวดมนต์เสร็จ กำลังจะออกจากกลดเพื่อออกมาเดินจงกรม ท่านก็ได้เห็นกลุ่มคนนุ่งขาว ในบริเวณที่เป็นที่ตั้งของพญานาค ณ ปัจจุบัน โดยท่านพระอาจารย์ได้นิมิตฝันถึงกลุ่มคนนุ่งขาวนั้น ขอนิมนต์ให้ท่านอยู่สร้างวัดที่นี่และสร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ซึ่งพอพระอาจารย์ได้ทำตามนิมิตฝันทุกอย่างเรื่อยๆ มา จนมีสิ่งก่อสร้างต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ก็ทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาไหว้ขอพร จนได้มีการสร้างองค์ ปู่ศรีสัตตะนาคา องค์อัมรินทร์ทรงช้างเอรวัณ และองค์ปู่เกล็ดแก้ว (พญาเพชรภัทรนาคราช) ขึ้น ซึ่งก็อยู่ในนิมิตด้วยเช่นกัน

แชร์ไปที่

Facebook
Twitter
Email

Similar Posts

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น