เที่ยวสกลนครในหนึ่งวัน Oneday trip @Sakon Nakon
“พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาน
แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม”
สกลนคร จังหวัดที่เต็มไปด้วยความสวยงามและเจริญไปด้วยพุทธธรรม เมืองที่มีพระเกจิชื่อดังหลายรูปและผู้คนหลั่งไหลมากราบไหว้ขอพร ในขณะเดียวกันอีกฟากของเมืองยังมีชุมชนคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอาศัยอยู่ ดังนั้นจะเห็นว่า “ชาวสกลนคร” มีความรักใคร่สามัคคีปรองดองกัน สามารถอาศัยร่วมกันได้อย่างมีความสุขในความต่างศาสนาแต่ก็เป็นคนสกลนครเหมือนกัน
วันนี้เราจะพาทุกท่านชมความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยว ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ซึ่งจัดเป็น “One day Trip” หากผู้อ่านสนใจสามารนำทริปนี้ไปใช้หรือปรับเปลี่ยนได้นะครับ สุดท้ายนี้อยากจะเชิญชวนทุกๆท่านมาเที่ยวที่จังหวัดสกลนครครับ สกลนครมีที่เที่ยวมากมายหลากหลายมากอยากให้ทุกท่านมาสัมผัสแล้วท่านจะหลงรักสกลนคร
– แสนสบาย –
เริ่มทริป 08.00 น.
จุดเริ่มต้นที่หน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองสกลนครไปยังพระธาตุเชิงชุมโดยใช้ถนนใสสว่าง มุ่งหน้าสู่ถนนเรืองสวัสดิ์ ใช้ระยะทางประมาณ 600 เมตร ถึงจุดหมาย
วัดพระธาตุเชิงชุม
วัดพระธาตุเชิงชุมเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวสกลนคร วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหารตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองสกลนคร เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน ฐานรูปสี่เหลี่ยม สูงประมาณ 24 เมตร ยอดฉัตรทองคำเหนือองค์พระธาตุเชิงชุมทำด้วยทองคำบริสุทธิ์มีน้ำหนัก 247 บาท ซึ่งชาวสกลนครเชื่อว่าพระธาตุเชิงชุมเป็นที่ประดิษฐานของรอยพระพุทธบาของพระพุทธเจ้าทั้ง 4 พระองค์ จึงทำให้ผู้คนหลั่งไหลมา กราบไหว้อยู่ไม่ขาดสาย
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/DJI_0148-1024x576.jpg)
ภายในวิหารใกล้พระธาตุเชิงชุม เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อองค์แสนอันศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดสกลนครและจังหวัดใกล้เคียง ในทุกวันจะมีประชาชนหลั่งไหลมากราบไหว้พระธาตุเชิงชุมและหลวงพ่อพระแสนเป็นจำนวนมาก
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/54799246_2100697953332484_6224455412125532160_o-1024x683.jpg)
เราจะใช้เวลาที่นี่ประมาณ 1 ชม. หลังจากเราไหว้พระขอพร ถ่ายภาพเสร็จก็ออกเดินทางกันต่อ(เวลา 09.15 น.โดยประมาณ) สถานที่ต่อไปคือพิพิธภัณฑ์ภูพาน โดยเราจะเดินทางผ่านถนนเจริญเมือง ต่อด้วยถนนมรรคาลัย ระยะทางประมาณ 1.7 กิโลเมตร จึงจะถึงพิพิธภัณฑ์
พิพิธภัณฑ์ภูพาน
พิพิธภัณฑ์ภูพาน เป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับจังหวัดสกลนคร ตั้งแต่รากของชุมชนไปจนถึงเรื่องราวของบุคคลที่มีเชื่อเสียงในทางธรรม พิภิธภัณฑ์แห่งนี้จะทำให้คุณรู้สึกหลงรักและหลงไหลในมนต์เสน่ห์ของจังหวัดสกลนครที่เรียกว่าเป็นดินแดนแห่งธรรม 4 ธรรม ได้แก่ ธรรมะ อารยธรรม วัฒนธรรม และธรรมชาติ ภายในจัดแสดงแบ่งเป็น 9 โซนที่น่าสนใจ ได้แก่
โซนที่ 1 โหมโรง : ชมวิดีทัศน์ “เปิดเรื่อง” นำเสนอ อัตลักษณ์ของจังหวัดสกลนครว่า “เมืองแห่ง 4 ธรรม” และความเป็น “เมืองน่าอยู่ น่าเที่ยว” ผู้คนเปี่ยมด้วยอัธยาศัยไมตรี ใช้ชีวิตบนพื้นฐานของความพอเพียงหลากหลายชาติพันธุ์อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/pasted-image-0.png)
โซนที่ 2 นิทรรศการมหัศจรรย์ภูพาน : ร่องรอยทางประวัติศาสตร์เมื่อหลายพันปีของสิ่งมีชีวิตและไดโนเสาร์ยุคครีเทเซียส ร่องรอยบนแผ่นหินอายุ 2,000 – 3,000 ปี ภาพเขียนศิลาขนาดใหญ่ภูพาน มหัศจรรย์ขุนเขาแห่งชีวิต
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/pasted-image-2.png)
โซนที่ 3 ห้องป่าบุ่งป่าทาม ป่าพรุอีสาน : เป็นบริเวณที่ราบน้ำท่วมถึงริมฝั่งแม่น้ำ เกิดจากการทับถมดินตะกอนตามธรรมชาติจนเกิดความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าและแหล่งน้ำ
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/pasted-image-3.png)
โซนที่ 4 ห้องหนองหารกับการตั้งเมืองสกลนคร : แหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ของจังหวัดสกลนครที่สำคัญในการดำรงชีวิตของชาวสกลนคร มีความอุดมสมบูรณ์พืชพรรณอาหารพื้นบ้านเป็นบ่อเกิดหลากหลายวัฒนธรรมอันดีงามมาหลายชั่วอายุคน
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/4.jpg)
โซนที่ 5 ห้องคนสกลนคร : ประกอบด้วย 6 กลุ่มชาติพันธุ์ ได้แก่ ภูไท ไทย้อ ไทโย้ย ไทกะเลิง ไทลาว ไทโส้และ 2 เชื้อชาติ คนไทยเชื้อสายจีน และคนไทยเชื้อสาเวียดนาม
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/5-1024x768.jpg)
โซนที่ 6 ห้องอาศิรวาทองค์ราชัน องค์ราชินี : พระบาทยาตราจังหวัดสกลนคร ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจังหวัดสกลนครขอ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่า
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/6-1024x768.jpg)
โซนที่ 7 ห้องนิทรรศการเทิดพระเกียรติฯ : เป็นการอัญเชิญกระแสพระราชดำรัส “เศรษฐกิจพอเพียง” ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานแก่ปวงชนชาวไทยเพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/7-1024x768.jpg)
โซนที่ 8 ห้องดินแดนแห่งธรรม : สกลนคร คือ แหล่งสัปปายะแห่งพระสายวัดป่า คือ สถานที่เอื้อต่อการอบรมขัดเกลาจิต โดยมีพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้วางรากฐานแนวทางปฏิบัติด้านธุดงค์กรรมฐาน เพื่อประโยชน์การบำเพ็ญสมณธรรมให้บรรลุธรรมชั้นสูง
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/8.jpg)
โซนที่ 9 ประติมากรรม ณ ลานกลางแจ้ง : นิทรรศการกลางแจ้งที่นำเสนอด้วยงานประติมากรรม ที่สะท้อนวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนในท้องถิ่น สื่อความหมายถึง “ดินแดนแห่ง 4 ธรรม ” คือ ธรรมชาติ ธรรมะ วัฒนธรรม และอารยธรรม
เราจะใช้เวลาที่พิพิธภัณฑ์ประมาณ 1.30 ชม. จากนั้นเราจะเดินทางไปที่พระพุทธไสยาสน์ วัดพระพุทธไสยาราม(ออกเดินทาง 10.45 น.โดยประมาณ) โดยผ่านถนนหมายเลข 2347 และ ถนนหมายเลข 22 โดยใชเวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาทีจะถึงวัดพระพุทธไสยาราม
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/พระนอน.png)
พระพุทธไสยาสน์ วัดพระพุทธไสยาราม
เชื่อกันว่าสร้างขึ้นเมื่อพุทธศตวรรษที่ 16 วัดแห่งนี้ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ หรือชาวบ้านเรียกว่าพระนอน พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ที่มีการบอกเล่ากันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ ใครที่ไปกราบไหว้บูชามักประสบผลสำเร็จแทบทุกคน
องค์พระพุทธไสยาสน์ มีขนาดความยาว 7.90 เมตร สูง 1.20 เชื่อว่าเป็นพระพุทธไสยาสน์ถูกสร้างขึ้นด้วยศิลปะสมัยทวารวดี ซึ่งไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นคนสร้างสร้างขึ้นมา และเป็นพระนอนที่มีความเก่าแก่ที่สุดในจังหวัดสกลนคร
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/โบสถ์พระนอน-1024x683.png)
เราใช้เวลาที่นี่ประมาณ 30 นาที หลังจากสักการะขอพรแล้วเราจะเดินทางไปที่ ร้านข้าวปุ้นสดเรณู เชียงเครือ เพื่อรับประทานมื้อเที่ยง ซึ่งไม่ไกลจากวัดเลยครับ ขอบอกว่าขนมจีนร้านนี้แซ่บมากๆ มีน้ำยาให้เลือกหลายอย่างทั้งน้ำปลาร้า,น้ำกะปิ,น้ำยาป่า อาหารก็มีให้เลือกหลายอย่างเช่นกันมีทั้งส้มตำ ไก่ย่าง หมูน้ำตก แกงอ่อมและอีกหลายเมนู ที่สำคัญราคาถูกมากๆ ใครผ่านแวะทานได้นะครับ
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/อาหารเที่ยง2-1024x768.png)
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/อาหารเที่ยง.png)
13.00 น. หลังจากเติมพลังเสร็จ เราเดินไปที่ อุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติ เป็นสถานที่ต่อไปครับ ซึ่งอุทยานบัวหรือที่ผู้คนในพื้นที่เรียก “สวนบัว” ตั้งอยู่ที่ ตำบล เชียงเครือ อำเภอเมืองสกลนคร ซึ่งเราจะเดินทางโดยผ่านถนนหมายเลข 22 ซึ่งใช้ระยะทางจากร้านข้าวปุ้นสดเรณู เชียงเครือ ถึงอุทยานบัวเพียงแค่ 2 กิโลเมตร
อุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติ
อุทยานบัว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2553 เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมบัวพันธุ์ต่างๆ และรองรับการประชุมวิชาการบัวนานาชาติปี พ.ศ. 2553 ที่จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ศึกษา ค้นคว้า ของนิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/10-1024x683.jpg)
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/11-1024x683.jpg)
นอกจากนั้นอุทยานบัวยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวเลือกมาเยี่ยมชมความสวยงามของดอกบัวนานาพันธุ์ ปั่นจักรยานชิมวิว และเก็บภาพบรรยากาศอันร่มรื่นริมน้ำ พร้อมทั้งสักการะองค์พญานาคเผือก ซึ่งชาวสกลนครเชื่อว่าองค์ท้าวพังคีนาค ในตำนานผาแดงนางไอ่ แห่งหนองหานเมืองสกลนครผู้ถูกปลิดชีวิตจากนางไอ่หญิงสาวชาวมนุษย์ที่ตนรัก
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/13-1024x683.jpg)
วลา 15.00 น. หลังจากเดินชมวิวซึมซับบรรยากาศและถ่ายรูปจนพอใจแล้ว เราก็เดินทางไปต่อที่หมู่บ้านท่าแร่ หมู่บ้านคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งห่างจากอุทยานบัวเพียงแค่ 3 กิโลเมตร
บ้านท่าแร่
หมู่บ้านท่าแร่ ตั้งอยู่ริมหนองหาร บนทางหลวงหมายเลข 22 (สกลนคร-นครพนม) ตำบลท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เป็นชุมชนคริสต์เก่าแก่มีอายุกว่า 100 ปี เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นหมู่บ้านที่มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์มากที่สุดในประเทศไทยและยังมีอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล โบสถ์ที่สวยงามประจำชุมชน โบสถ์นี้ถูกสร้างให้รูปทรงคล้ายเรือเพื่อระลึกถึงการอพยพมาตั้งถิ่นฐานของคริสตชนในหมู่บ้านและสอดคล้องกับเรื่องของโนอาห์สร้างเรือตามพระประสงค์ของพระเจ้า
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/14-1024x768.jpg)
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/24059512_1509320522470233_3550389768732111851_o-1024x768.jpg)
ความโดดเด่นของหมู่บ้านท่าแร่ นอกจากจะได้พบกับบรรยากาศเงียบสงบและวิถีชุมชนขาวคาทอลิคที่เรียบง่ายแล้ว ยังได้ชมบ้านเรือนและตึกโบราณสไตล์โคโรเนียลแบบฝรั่งเศสและผสมผสานกับเอกลักษณ์ของเวียดนามหรือชาวท่าแร่เรียกว่าชาวญวน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ร่วมก่อตั้งชุมชนท่าแร่ ด้วยการผสมผสานที่ลงตัวทำให้ตัวตึกมีสวยงามแปลกตาเป็นอาคารทอดยาวที่เป็นเอกลัษณ์ตามแบบฉบับของฝีมือช่างท้องถิ่นที่ไม่เหมือนที่ใด
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/15-1024x668.png)
16.00 น. ถ่ายภาพ เดินชมความงามของสถาปัตยกรรมและซื้อของฝากเสร็จ จากนั้น เราก็เดินทางต่อไปที่ท่าเรือบ้านท่าแร่ริมหนองหานเพื่อนั่งเรือชมระบบนิเวศน์ของหนองหานส่วนนีมีค่าใช้จ่ายครับ ค่านั่งเรือคนละ 150 บาท (ไป-กลับ) ใช้เวลาล่องเรือประมานครึ่งชั่วโมงครับ
16.30 น.ออกเดินทางไปยังจุดชมวิวหนองหาน เพื่อชมตะวันรอน ระยะทางจากท่าเรือไปยังจุดชมวิวประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็มาถึงครับ
จุดชมวิวหนองหาน
จุดชมวิวหนองหานตั้งอยู่ที่ ริมทางหลวงหมายเลข 22 หลักกิโลเมตรที่ 168 เส้นทางจากนครพนมเข้าตัวเมืองสกลนคร ตำบลท่าแร่ อำเภอเมือง สกลนครหนองหานได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน และเป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากบึงบอระเพ็ด โดยมีเนื้อที่กว่า 77,000 ไร่ มีความลึกตั้งแต่ 2เมตรไปจนถึง 10 เมตร
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/บ1-1024x594.png)
ชมตะวันรอนที่หนองหาน ที่ท่าแร่ เป็นอีกหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ตามวิถีการดำรงชีวิตของชาวบ้าน แนะนำให้เช็คสภาพอากาศก่อนมานะครับถ้าเรามาในวันที่ฟ้าเปิด เราจะสามารถมองเห็นเมืองสกลนครได้จากจุดชมภูมิทัศน์ที่ท่าเรือท่าแร่ และเวลา 17.00 น. โดยประมาณ ท่านสามารถจะมองเห็นดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าหลังเทือกเขาภูพานได้อย่างชัดเจน และสวยงามเป็นอีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรพลาด
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/บ2-1024x724.png)
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/บ3-1024x724.png)
![](https://www.mahatsachan.com/wp-content/uploads/2021/09/บ4-819x1024.png)
สกลนครเมืองรองที่ไม่เป็นรองใครยังมีสถานที่สวยๆ บรรยากาศดีๆให้เเที่ยวอีกหลายที่ รอให้ทุกท่านมาสัมผัส แล้วคุณจะหลงรัก “สกลนคร”
– แสนสบาย –